ดื่มน้ำ ลดอาการภูมิแพ้
โรคหืด เป็นโรคของระบบทางเดินหายใจ โดยผู้ป่วยจะมีอาการหายใจติดขัด
และมีเสียงดังหวีด เนื่องมาจากการบีบรัดของทางเดินหายใจ รวมถึงมีอาการไอ
และมีเสมหะมากบริเวณช่องทางเดินหายใจ
ส่วนใหญ่จะเกิดเมื่อผู้ป่วยเผชิญกับสาร หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
อาการไอ หรือจาม
สามารถทำให้ปอดสูญเสียน้ำไปสู่ภายนอกได้จำนวนไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ ฮิสตามีนจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการป้องกันการสูญเสียน้ำ
โดยเมื่อร่างกายเผเชิญกับสารที่ทำให้เกิดการแพ้ เซลล์ในปอดจะหลั่งฮิสตามีนออกมา
ส่งผลให้ช่องทางเดินหายใจบีบรัดตัว เพื่อลดการสูญเสียน้ำของปอด
การหดรัดตัวนี้ จะเกิดเพียงชั่วครู่ ไม่นานร่างกายก็จะกลับมาหายใจได้ปกติ
แต่ปอดของผู้ป่วยด้วยโรคหอบหืด จะสามารถหลั่งสารฮิสตามีนออกมาได้มากกว่าคนปกติ
ส่งผลให้การบีบรัดตัวของช่องทางเดินหายใจเกิดขึ้นนานกว่าปกติด้วยเช่นกัน
ผู้ป่วยจึงประสบภาวะขาดอากาศหายใจ
จากการศึกษาในสัตว์พบว่า
การได้รับน้ำเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกวันเป็นเวลา 1-4 สัปดาห์
จะช่วยลดการสร้างฮิสตามีน
และยังช่วยลดอาการแพ้สารหรือวัตถุที่เคยแพ้ให้น้อยลงด้วย
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์บางคนให้ความเห็นว่า การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม
อาจช่วยการควบคุมความรุนแรงของอาการหอบหืดได้
การป้องกันเผชิญกับสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
ยังเป็นมาตรการที่ดีมากที่สุดของการป้องกันอาการภูมิแพ้
ต้องหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีสารก่อการแพ้ และการลดสารก่ออาการแพ้
เนื่องจากฝุ่นผงต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เล็กมากจนมองไม่เห็น
และการเคลื่อนไหวของคน หรือสิ่งต่างๆ ในห้อง จะผลิตฝุ่นตลอดเวลา
ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จึงไม่ตระหนักว่าตนเองอยู่ในห้องหรือสถานที่ที่มีฝุ่นผงที่ก่ออาการแพ้สูง
การใช้เครื่องกรองอากาศที่สามารถกักเก็บกรองฝุ่นขนาดเล็กมากพอที่จะกรองสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้
เพื่อทำให้อากาศในห้องนอน ห้องที่พักผ่อน หรือห้องทำงาน
มีสารก่ออาการแพ้ให้น้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้การดื่มน้ำมากๆ
จะไม่สามารถควบคุมโรคหอบหืดได้ในทันทีทันใด แต่การดื่มน้ำราว 10 แก้วต่อวัน
(1 แก้ว หมายถึงแก้วที่มีน้ำ 180-200 ซีซี) เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
ตะช่วยทำให้เซลล์ทุกเซลล์ ในร่างกายมีน้ำในปริมาณที่เหมาะสม
และอาจถือได้ว่า เป็นหนึ่งในพลังแห่งการบำบัดรักษาโรคด้วยน้ำ